วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ความแตกต่างระหว่างชายหญิง

ผู้ชาย จ่ายเงิน 10 บาท เพื่อให้ได้ของราคา 5 บาท ถ้าเขาต้องการมัน
ผู้หญิง จ่ายเงิน 5 บาท เพื่อให้ได้ของ 10 บาทที่เธอไม่ต้องการ แต่..เพราะมันลดราคา
ผู้หญิงกังวลเกี่ยวกับอนาคต..........จนกว่าเธอจะมีสามี
ผู้ชายไม่เคยกังวลเกี่ยวกับอนาคต...จนกว่าเขาจะมีภรรยา
ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จคือ....คนที่สามารถหาเงินได้มากกว่าที่ภรรยาของเขาสามารถใช้ให้หมดได้
ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จคือ...ผู้หญิงที่หาผู้ชายคนดังกล่าวเจอ
การจะมีความสุขกับผู้ชาย.........คุณจะต้องเข้าใจเขาให้มาก โดยรักเขาเพียงนิดเดียวก็พอ
การจะมีความสุขกับผู้หญิง........คุณต้องรักเธอมากๆ และอย่าคาดหวังว่าจะเข้าใจเธอ
ชายที่แต่งงานแล้วอายุยืนกว่าชายที่เป็นโสด....แต่ชายที่แต่งงานแล้วยินดีจะตายมากกว่า
ผู้หญิงแต่งงานกับผู้ชายโดยคาดหวังว่า...เขาจะเปลี่ยนแปลง...แต่เขาไม่
ผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิงโดยคาดหวังว่า...เธอจะไม่เปลี่ยน...แต่เธอเปลี่ยนไป.....
ผู้หญิงจะเป็นคนกล่าวคำสุดท้ายในการโต้เถียงทุกครั้ง
ชายผู้ใดกล่าวอะไรหลังจากนั้น จะเป็นการเริ่มการโต้เถียงครั้งใหม่

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คบกัน แต่เหมือนใช้ชีวิตในแต่ละวัน ด้วยตัวคนเดียว


วันแรกที่ "ตกลงเป็นแฟนกัน" อาจหมายถึงวันแรกที่มีคนใดคนหนึ่ง "คาดหวัง" จากความรัก ไม่ว่าจะคาดหวัง "มาก" หรือ "น้อย" ถ้าผิดหวังขึ้นมาก็เจ็บเหมือนกันหมด บางคนหวังว่าจากนี้ไป ชีวิตที่เคยโดดเดี่ยว จะถูกเติมเต็มด้วยความรักที่แสนอบอุ่น พอมีแฟนก็จะได้ทำในสิ่งที่เคยฝันเอาไว้ อาจจะวางแผนไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งด้วยกัน ได้กลับบ้านพร้อมกัน โทรหากันทุกคืน แม้ในวันที่ไกลกัน...ก็ไม่รู้สึกเหงา เพราะรู้ว่าความห่วงใยจากอีกคนจะต้องเดินทางมาถึง

แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อวันนี้กลับรู้สึกว่า "คบกัน...แต่เหมือนใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยตัวคนเดียว" ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ "เวลา" หรือเปล่า ที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป แต่ก็อดคิดมากไม่ได้ ว่าเหตุผลอีกอย่างก็คืออาจเป็นเพราะ "จิตใจ" ของใครคนใดคนหนึ่ง เริ่มไม่อยู่กับที่


เมื่อไหร่ที่จิตใจเกิดความ "หวั่นไหว" เมื่อนั้นคนเราย่อมรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย แน่นอนว่าความรู้สึกแบบนี้ จะยิ่งทำให้ทุกอย่างพลิกเป็นแง่ลบหมด


ตอนนี้สิ่งที่บางคนคิดว่าเป็น "ปัญหา" อาจเกิดขึ้นด้วยเรื่องที่เล็กนิดเดียว เช่น ช่วงนี้เขาติดธุระ มารับกลับบ้านเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ ถ้ายอมให้จิตใจอ่อนไหวไปตามความคิดแง่ลบปุ๊บ เขาจะถูกตั้งข้อหา "ทำตัวเปลี่ยนไป" ทันที ซึ่งหากเป็นเมื่อก่อนตอนที่ยังโสด เราก็ไม่เคยต้องรอให้ใครมารับ ตอนอยู่คนเดียวยังทำอะไรเองได้ตั้งหลายอย่าง ไปเที่ยวกับเพื่อนก็ได้ กลับบ้านเองได้


"ทุกคนล้วนมีวิธีการอยู่กับตัวเอง และสามารถจัดการกับอารมณ์เหงา ๆ ของตัวเองได้ โดยไม่ต้องให้ใครมาช่วย"


ฉันไม่อยากให้ทุกคนสูญเสียความเป็นตัวเองไป เพียงเพราะการ "ยึดติด" ในความสุขที่เคยได้รับ ถ้าเรากล้าหาญที่จะ "ปล่อยวาง" บางเรื่องลงในเวลาที่เหมาะสม และรู้จัก "ยึด" บางอย่าง...อย่างมีสติ ทุกอย่างที่เคยคิดว่ายากก็จะ "ง่ายขึ้น" สิ่งที่เคยคิดว่าเป็นปัญหาก็จะ "ลดน้อยลง" ซึ่งฉันเคยจัดการกับความคิดแบบนี้ด้วยตัวเองมาก่อน เพราะฉันก็เป็นคนหนึ่งที่เคยคิดแย่ ๆ ว่า "มีแฟน ก็เหมือนไม่มี" ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายการใช้ชีวิตแบบตัวคนเดียวสุด ๆ ทำไมการที่ฉันมีแฟน กลับยิ่งทำให้ฉันเหงาขึ้นทุกวัน


อยู่ข้าง ๆ กันแต่ฉันก็ไม่รู้สึกอบอุ่น เพราะความคาดหวังของฉันมันลอยฟุ้ง อยู่ในอากาศเต็มไปหมดแล้ว ทำไมฉันต้องไปไหนคนเดียว เพียงเพราะที่ที่ฉันอยากไป คือที่ที่เขาไม่ชอบ เพราะคิดว่าคนเยอะวุ่นวาย ทำไมฉันอดไปเที่ยวทะเลช่วงหน้าร้อน เพียงเพราะเขาไม่ยอมไปด้วย เขาบอกว่า "ถ้าฉันอยากไป เขายอมให้ฉันไปกับเพื่อน ๆ ได้" ซึ่งสิ่งที่ฉันเสียใจมากที่สุดคือ ทำไมเขาไม่รู้ว่า การมีเขาไปด้วยจะทำให้ฉันมีความสุขที่สุด


 แน่นอนว่าเมื่อถูกปฏิเสธบ่อยครั้งเข้า ความรู้สึกของฉันก็ค่อย ๆ แย่ลง ทุกครั้งที่ฉันมองดูคู่รักคนอื่น ๆ เขาวางแผนไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ว่าจะทำอะไร พวกเขาก็อยากทำด้วยกัน จะทานข้าว ไปดูหนัง ไหว้พระทำบุญ ไปเที่ยวต่างจังหวัด นั่นเป็นสิ่งที่ฉัน "อยากทำ" กับคนที่ฉันรักเหมือนกัน แต่แย่หน่อยตรงที่ "เขาไม่ให้ความร่วมมือเลย" ยิ่ง "ร้องขอ" จากเขามากเท่าไหร่ ใจก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น


จนคิดว่าถ้าเราเปลี่ยนไปเป็นแค่ "เพื่อนกัน" อาจดีกว่า จะได้ไม่ต้องคาดหวัง ไม่ต้องเรียกร้อง และไม่ต้องมีใครเสียใจที่ถูก "ปฏิเสธ" แต่สุดท้ายก็พบว่า "เมื่อเรารักใครสักคนไปแล้ว เราเปลี่ยนไปรักเขาในฐานะอื่น...ไม่ได้เลย" ซึ่งฉันก็ "ไม่เคยทำได้" เลยสักครั้ง


ในเมื่อ "เลิกรัก" ไม่ได้ และเขาก็ "เลิกเป็นอย่างที่เขาเป็น" ไม่ได้ สิ่งเดียวเท่านั้นที่จะ "ปรองดอง" ให้คนสองคนอยู่ร่วมกันได้คือ "เราต้องเข้มแข็งขึ้น" แต่ก่อน ถ้าถูกปฏิเสธฉันคงเสียใจ แอบร้องไห้ และงอนโดยที่เขาไม่รู้เรื่อง แต่ตอนนี้...ถ้าเจอแบบนั้นอีก ฉันจะยอมรับว่า "เขาก็เป็นอย่างนี้แหละ" เขาก็พูดเหมือนเดิมอีกแล้ว เราเองก็ควรจะชินได้แล้ว เพราะกฎแห่งความจริงที่ทุกคนไม่ควรลืมก็คือ "เราเกิดมาคนเดียว ตอนตาย เราก็ตายคนเดียว"


ดังนั้น ในระหว่างที่เรามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ เราถูกกำหนดให้อยู่กับตัวเองตั้งแต่แรก การที่ในชีวิตหนึ่ง ๆ ของเรา จะบังเอิญได้พบเจอกับ "ใครสักคน" ที่เราได้รัก ได้แบ่งปันความสุขความทุกข์ จึงถือเป็น "กำไร" ของชีวิตที่ดีเหลือเกิน เราอย่าไปคาดหวังเลยว่า เขาจะทำเพื่อเราได้แค่ไหน หากเราวางความคาดหวังลง เราจะพบว่ามีหลายอย่างในโลกใบนี้ ที่เราสามารถ "ทำได้" ด้วยตัวเอง เชื่อเถอะ...คนที่รู้จักสร้างความสุขให้กับตัวเองได้ คือคนที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก


อย่าลืมว่าไม่มีใครอยากดูแลคนที่ "อ่อนแอ" ไปตลอดชีวิต มีแต่คนอยากอยู่ใกล้ ๆ กับคนที่ "เข้มแข็ง" และกฎข้อแรกของคนที่เข้มแข็งคือ "อยู่คนเดียวให้ได้อย่างมีความสุข" ไม่ว่าเราจะ "โสด" หรือ "มีแฟน" อยู่แล้วก็ตาม

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

ความรัก พูดกันไม่มีวันจบสิ้น

เพราะรักในแบบของใคร ก็เป็นแบบของมันไม่มีแบบแผนตายตัว

อย่าฝืนใจรัก ถ้ามันไม่ใช่ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะคบใครสักคนเพียงเพราะ อยากจะมีใครสักคน

อย่าเปลี่ยนตัวเองเพียงเพื่อให้เขามารัก เพราะจะทำได้ไม่นาน
วันนึงคุณจะรู้สึกเหนื่อยเพราะความรัก ที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง

อย่าหลงในรสชาติของความรัก เสียจนลืมชีวิตประจำวันของตัวเอง หรือสูญเสียความเป็นส่วนตัว

คนที่พร้อมจะอยู่กับคุณโดยที่คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตเลย
คนที่พร้อมจะเดินหน้าเมื่อคุณเดินหน้า
คนที่พร้อมจะถอยหลังไปกับคุณ
คนที่ไม่ยอมให้คุณเดินตามหลัง ขอเพียงเดินเคียงข้างหรือนำหน้า
คนที่ไม่บังคับให้คุณ ทำอะไรในแบบที่คุณไม่ชอบ
คนที่ไว้ใจ ให้อภัย ให้โอกาส ซื่อสัตย์ และให้เกียรติ คุณ
...นั่นแหล่ะ คือคนที่รักคุณจริง.....
จงถนอมคนเหล่านี้ไว้ อย่าปล่อยให้เขาไปจากคุณ..
เพราะคุณจะเสียใจหากเขาเปลี่ยนไปหยิบยื่นความโชคดี
ที่ควรจะเป็นของคุณไปให้คนอื่น

คนที่รักคนที่เปลือกนอกมีอยู่เยอะเหลือเกิน.
ชีวิตคนคนนึงจะมีคนที่รักคุณจริงผ่านมาสักกี่คน
ใครที่บอกว่ารักคุณ แล้วพยายามจะเปลี่ยนคุณ ดึงคุณให้เดินตามทางของเขา
เขาไม่ได้รักคุณจริงหรอก...เขารักตัวเอง
จงเชื่อในพรหมลิขิต
จงเชื่อในเหตุการณ์ที่นำพาความรักมาให้
จงเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีเส้นขนาน
อย่าบอกว่าไม่รัก ถ้าไม่สามารถสบตาเขาอย่างบริสุทธิ์ใจได้
อย่าบอกว่ารัก ถ้าคุณไม่รู้สึกวูบวาบเวลาอยู่ใกล้ๆ
อย่าบอกว่าไม่คิดถึง ถ้า หัวใจไม่อาจลืม
อย่าบอกว่าคิดถึง ถ้า เพิ่งจากกันไม่ถึง 1 นาที
อย่าทิ้งหัวใจของคุณไว้กับอดีต
อย่าคิดว่าอดีตไม่มีวันหวนคืน
อย่าคิดว่าไม่มีพรุ่งนี้
อย่าลืมบทเรียนของเมื่อวาน
ทุกชีวิตยังมีความหวังอยู่เสมอ

จงปล่อยให้ชีวิตดำเนินต่อไป..วันนึงถ้าชีวิตหวนคืนมาสู่ทางสายเก่าที่เคยทำให้

คุณมีความสุขระหว่างเดินทางในแต่ละก้าว..จงอย่าเดินเลี่ยงมันไปอีก
เพราะน้อยนักที่ถนนสายเดิมยังคงสภาพเดิมเพื่อรอให้คุณเดินย้อนกลับมา..
ลองเดินต่อไปสิ..บางทีคุณอาจจะเจอจุดหมายที่คุณค้นหามาตลอดชีวิต
ในเส้นทางที่คุณเคยเดินเลี่ยงมันไปก็ได้...

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

ความสุขที่แท้จริง

อย่าโทษตัวเองที่มาเจอเค้าสายเกินไป...อย่าโทษที่เค้าไม่มีใจให้...อย่าโทษโชคชะตาที่ทำให้เราพบกันแต่ไม่ได้ทำให้เราใจ ตรงกันแต่จงยิ้มให้กับตัวเองที่อย่างน้อยถึงจะพบกับเค้าคนนั้นสายเกินไป แต่ก็ยังได้พบ...ยิ้มให้เค้าถึงจะไม่ได้ให้ใจเรามาแต่ก็ยังได้รับหัวใจของ เราไป...ยิ้มให้กับโชคชะตาที่ยังทำให้เราได้รู้จักกัน คุณควรจะดีใจด้วยซ้ำไป ที่ครั้งหนึ่งคุณได้เจอคนที่คุณอยากเก็บรอยยิ้มของเค้าไว้คนเดียว คนที่คุณใส่ใจกว่าตัวคุณเอง...คนที่ทำให้คุณหัวเราะ...และร้องไห้ได้มาก มาย...คนที่เพียงแค่ยิ้มของเค้า ก็สามารถเปลี่ยนวันที่หมองหม่น ให้กลายเป็นวันที่สดใส เท่านี้มันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ? แค่การได้เห็นคนที่เรารักได้หัวเราะอยู่กับใครสักคนที่เค้ารักมากที่สุด นั่นแหละคือความสุขของการได้รัก...อย่างจริงใจ

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

รักครั้งใหม่.....กับใจที่ไม่เหมือนเดิม

ผมเชื่อว่า…ความรัก 
หากมันได้มีโอกาสเกิดขึ้นมาแล้ว…ครั้งหนึ่ง
ไม่ว่าจะดีหรือร้ายแค่ไหน
เราต่างก็ไม่เคยต้องการให้มันเป็นเพียงแค่ “วันผ่าน”
แต่ถ้าวันหนึ่ง…วันที่ความรักต้องจบลงด้วยการเลิกรา
และทิ้งให้ “ใครบางคน” เจ็บจมอยู่กับทะเลน้ำตาของความฝันแตกสลาย
จำเป็นด้วยหรือ…ที่เราจะต้องกอดเก็บเรื่องราวความหลังครั้งเก่าเอาไว้
ให้เป็นเหมือนหินก้อนใหญ่ ที่ถ่วงตัวเองไว้จนจมลงไปในคืนวันของความเจ็บช้ำ
ก่อนที่จะสำลักน้ำตาตายไปพร้อมๆ กับคำพูดที่ว่า
“ชีวิตนี้…คงรักใครไม่ได้อีกแล้ว”
ความรักเปรียบดังดอกไม้ มีแต่รอวันที่จะร่วงโรย



ใครหลายคนไม่สามารถเริ่มต้นใหม่ท่ามกลางซากปรักหักพังของความรักครั้งเก่า
ด้วยเพราะมัวแต่ยึดติดและโหยหาจนไม่อาจถอนใจ
ในขณะที่ใครบางคนก็ถูกความรักครั้งนั้นทำร้ายให้เจ็บปวดเสียจน
จากที่เคย “ศรัทธา” มากถึงขนาดแม้แต่ “ชีวิต” ก็ยอมแลกให้ได้
ก็กลับกลายเป็นเข็ดขยาดและหวาดกลัวเสียจนไม่เหลือ “ความเชื่อ” ในรักนั้นอีก
ไม่แปลกหรอก…ใครๆ ต่างก็ต้องมีช่วงเวลาอันแสนบอบช้ำเอาไว้สำหรับ “การทำใจ” กันทั้งนั้น
เพียงแต่ในขณะที่ “เวลา” เดินผ่าน
น้ำตาที่ค่อยๆ แห้งเหือด…และหัวใจที่ค่อยๆ เข้มแข็งขึ้นอย่างช้าๆ
การกลับมาของรอยยิ้มที่อาจจะไม่สดชื่นแจ่มใสได้เหมือนวันเก่า
มักจะมีอะไรบางอย่างสูญหายไปพร้อมๆ กับความสูญเสียเสมอ
โดยเฉพาะ “ความหวัง” และ “ความเชื่อมั่น” ในคำว่า “รัก”
ในขณะที่โลกพาความรักหมุนรอบตัวเรา
จะไม่มีอะไรช่วยเยียวยารักษาหัวใจให้ดีขึ้นได้เลย
หากเราโยนหัวใจตัวเองให้หายไปพร้อมกับความรักครั้งเก่า
อย่างไรก็แล้วแต่…เราไม่เคยหนี “ความรัก” ได้พ้น
ไม่ว่าลึกๆ ในใจจะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม
เราต้องเริ่มต้นใหม่ มีความรักครั้งใหม่ และดำเนินชีวิตต่อไปอย่างคนที่ไม่จมปลัก
แม้จะแอบคิดถึงรักครั้งเก่าและเกิดคำถามกับใจว่า
เป็นเพราะ “ความรัก” ไม่ใช่หรือ…ที่เราไม่อยากสูญเสีย
เพราะ “คุณค่า” ของ “ความผูกพัน” ที่มันเคยมีอยู่ไม่ใช่หรือ…ที่ทำให้ยากจะตัดใจ
และเพราะ “ความทรงจำ” ที่มีอยู่เต็มในห้องหัวใจดวงนี้ไม่ใช่หรือ…ที่เราอยากจะรักษามันเอาไว้
สุดท้ายแล้ว…เราก็ต้องกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
ความจริงที่จะย้ำเตือนให้รารู้ว่า เมื่อ “ความรัก” หายไป แต่ “หัวใจ” ยังคงอยู่
ชีวิตที่เหลือทั้งชีวิตยังสามารถ “มีรักครั้งใหม่ได้”
 “เลือก”
“ตามหา”
และ “ปฏิบัติ” ต่อความรักครั้งใหม่ได้อย่างมีความหมาย